จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

โยม : หลวงปู่ครับ! ผมจะขอนับถือแค่พระพุทธกับพระธรรมครับ
เพราะ..พระสงฆ์ทุกวันนี้มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่า..พระแท้ๆหมดแล้วจากพระศาสนา

หลวงปู่ : ฮ้วย แสดงว่า..
บ่นับถืออาตมานำตั้วนี่

โยม : เปล่าๆ ครับหลวงปู่ ผมยังเคารพศรัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม

หลวงปู่ : เอ้าไสว่าไม่นับถือพระสงฆ์เด้

โยม : เว้นหลวงปู่สิครับผม

หลวงปู่ : บ่ะ เว้นหลวงปู่ก็แสดงว่าหลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ

โยม : (ทำหน้าเหมือนคิดหนัก).........

หลวงปู่ : บักหล่าเอ้ย เวลาเขาเอาทองคำนั้นเขาไปหามาจากที่ไหน?

โยม : ไปขุดดินแล้วร่อนเอาทองมาครับ

หลวงปู่ : ดินมากหรือทองมาก

โยม : ดินมากครับผม
ร่อนทองจากดินมากแล้วจะได้ทองนิดเดียว

หลวงปู่ : มันก็เหมือนพระสงฆ์นั้นล่ะ
พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมติสงฆ์ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่ มันก็ดีบ้างเสียบ้าง
..จะให้ดีหมดมันก็ทำไม่ได้
..จะให้มันเสียหมดก็ทำไม่ได้
ส่วนที่มันเป็นดินก็อย่าเอา ให้เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ
ถ้าเชื่อหลวงปู่ถ้าเคารพหลวงปู่
ก็จงเชื่อว่า..พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีมากมาย อย่าเหมาว่าไม่ดีทั้งหมด ขนาดคุณยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้
**พระรัตนตรัยเหมือนไม้3ลำค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม
# จำไว้พระก็คือนักเรียน
: > ผู้เป็นอริยะคือผู้สอบผ่าน
: > ผู้เป็นข่าวคือผู้สอบตก
~> ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ(tear)(crying)

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

 °♡" ส่ ง ยิ้ ม "♡°

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ให้โลกหมดโศกเศร้า
 ยิ้ม ใครเล่าช่วยแต่งโลกมีสีสัน
 ยิ้ม ใดหนามีค่ากว่าอนันต์
ยิ้ม เรานั้นทำเธอฉันมีสุขใจ

 ยิ้ม ไว้เถิดเชิดชูความสุขไว้
 ยิ้ม เพื่อให้เสริมสร้างทางมรรคผล
 ยิ้ม เท่านั้นที่ช่วยบันดาลดล
 ยิ้ม ทุกคนโลกยลยินถิ่นยิ้มงาม

 ยิ้ม ช่วยแต่งแต้มฝันดั่งสรรฟ้า
 ยิ้ม ด้วยตาจากใจละมุนข้าม
 ยิ้ม ให้เธอฝากไปในแสงคราม
 ยิ้ม ในนามให้โลกาพาเจริญ

 ยิ้ม ต้อนรับขับขานประสานไว้
 ยิ้ม ด้วยใจอย่ามองเพียงผิวเผิน
 ยิ้ม ได้ดีเพราะใจใสสุขเหลือเกิน
 ยิ้ม เพลินๆยิ้มใสๆจากใจกัน
ธรรมโอสถ 10 อย่าง
1.อย่าถามหาสิ่งที่หายไป แต่ จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
2.อย่าเอาเงินเป็นตัวชี้ขาด แต่ จงเอาความสามารถเป็นตัวชี้นำ
3.อย่าหวังมากกว่าที่เขาให้ แต่ จงให้มากกว่าที่เขาหวัง
4.อย่าพูดอะไรให้ใครเสียใจ อย่าทำอะไรให้ใครเสียคน
5.อย่าชักช้ารีรอ เวลาอาจไม่พอสำหรับอีกชีวิต
6.อย่าเอาปกติของเขามาเป็นปกติของเรา
7.อย่าอารมณ์เสียใส่ใคร อย่าใส่ใจถ้าใครใส่อารมณ์
8.อย่าลงไปเล่นกับหมู เพราะว่าหมูจะสนุก เราจะสกปรก
9.อย่านึกถึงบุญคุณที่เราทำให้แก่ใคร แต่จงนึกถึงบุญคุณคนที่ทำให้กับเรา
10.อย่าเพ่งกรรมของใคร แต่จงเพ่งที่กรรมของเรา

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ถ้าไม่มีซึ่งศรัทธา  โลกนี้คงไม่เหลืออะไร
https://www.youtube.com/watch?v=S4lW
ความจำเสื่อม
พฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน

บทความโดย : หมอแดง ดิอโรคยา
(ขอให้ช่วยกันแชร์ เพื่อประโยชน์ในวงกว้างค่ะ)

เคยเป็นกันบ้างไหมครับ อาการที่บางครั้งเราพยายามจะนึกอะไรซักอย่างให้ได้ แต่มันนึกไม่ออก จะว่าลืมก็ไม่ใช่ เหมือนมันติดอยู่ที่ปากหรือเวลาจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน ทีไรก็ต้องลืมโน่นลืมนี่เป็นประจำ อาการแบบนี้จะเรียกว่าเป็นอาการความจำเสื่อมก็คงจะไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง

ผมพบคนป่วยหลายรายที่มีอาการ ความจำเสื่อม แต่ที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็วๆนี้
คนไข้เป็นผู้ชาย เคยทำงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งใหญ่โตเชียวล่ะครับ เกษียณมาได้ปีกว่าๆแล้ว พอเกษียณมาได้แล้ว ก็เกิดอาการความจำเสื่อมกำเริบอย่างหนัก มีอาการเหมือนเด็ก จำอะไรไม่ค่อยได้ จะกินจะนอนก็ดูยากไปหมด พูดฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งมีอาการซึม บางครั้งยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าซีดเหมือนไม่มีเลือดมาเลี้ยง มือสั่นบ้าง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค “พาร์คินสัน” ก็เลยให้ยาสารพัดมากิน แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย เป็นที่กลุ้มใจของผู้เป็นภรรยา ที่ต้องคอยดูแลสามีเหมือนเป็นเด็กเล็ก

จากการสอบถามประวัติความเป็นอยู่ อาหารการกิน การออกกำลังกาย ภรรยาของคนไข้ก็บอกว่า ผู้ป่วยก็กินดีอยู่ดี ออกกำลังกายประจำ ผู้ป่วยเป็นวิศวกรใหญ่ จึงน่าเชื่อได้ว่าต้องกินดีอยู่ดีแน่นอน กรรมพันธุ์ก็ไม่มี แล้วเกิดอาการได้อย่างไร หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ ได้แต่รักษาไปตามอาการ ให้วิตามินบ้าง ยาแก้พาร์คินสัน ยาแก้อาการสั่นบ้าง หลายปีแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม

พฤติกรรมอย่างหนึ่งที่คนไข้ทำพลาดไปก็คือ

เขาดื่มน้ำน้อยมาก วันละไม่เกิน 2 แก้ว ไม่กระหายน้ำก็ไม่ดื่ม น้ำหนักเกือบ 60 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ควรดื่มน้ำ 9-10 แก้วต่อวัน แต่นี่ดื่มแค่ 2 แก้ว บวกกับทำงานใช้สมองมาก มีความเครียดด้วย เลือดเมื่อขาดน้ำก็ทำให้เลือดข้นหนืด ทำให้หลอดเลือดไม่มีความยืดหยุ่นเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอ แล้วเลือดจะฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้อย่างไรกัน

ทดลองเอาเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำในปลักวัวปลักควาย ที่วัวควายนอนแช่เป็นน้ำโคลนดูซิว่า เครื่องจะสูบน้ำขึ้นไปได้ไหม สุดท้ายเครื่องก็ต้องพัง ซึ่งเครื่องสูบน้ำก็เหมือนหัวใจคนเรา ที่ต้องสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเลือดมันข้นเหนียว ไม่ช้าหัวใจก็ต้องพัง เส้นเลือดในหัวใจก็อุดตันหมด

ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ก็มีลักษณะเหมือนกัน เขามีอาการความจำเสื่อมหรือสมองไม่ทำงาน ก็เพราะสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เหมือนเราใช้คนให้ทำงานแล้วไม่จ่ายเงินเดือน ไม่ให้ข้าวกิน แล้วเขาจะเอาแรงที่ไหนมาทำงานให้เรา

เลือดนั้นจะนำพาอาหาร อ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าส่วนไหน
เรามัวแต่กินยา กินวิตามิน โดยไม่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่ถูกต้อง คงไม่มีวันที่โรคนี้จะหายได้ ***เพราะยาและวิตามิน ก็เข้าสู่ร่างกายไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำพาไป เพราะเลือดประกอบด้วยน้ำถึง 91% ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญ กับการดื่มน้ำเป็นอันดับแรก โดยถือว่าน้ำเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว

@ เมื่อได้แนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็ทำการนวดกระตุ้นฝ่าเท้า และนวดตัว เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมด ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าการนวดเท้านั้นเป็นการรักษาเท้า ท่านเข้าใจผิดนะครับ การนวดเท้าสามารถรักษาโรคได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมได้นวดเท้าและนวดกดจุด จากใบหน้าที่ขาวซีดกลับดูมีเลือดฝาด ดูสดใสขึ้นเยอะ พูดคุยได้ดีขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าแต่ก่อน มีการตอบสนองที่ดี นั่นแสดงว่าเลือดลมเดินได้ดีขึ้นแล้วนั่นเอง

สรุปแล้วสาเหตุของอาการความจำเสื่อมก็คือ อาการที่เลือดข้นหรือเลือดจาง ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอนั่นเอง ท่านใดที่รู้ตัวว่าเริ่มมีอาการดังกล่าวแล้ว ผมว่าทางที่ดีท่านควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง ตามที่ผมได้บอกไว้แล้ว อาการความจำเสื่อมจะไม่มาเยือนท่านโดยง่ายแน่นอน

....ป้าศรีขอเติม comment ของคุณหมอ Nart Fongsmut เข้ามานะคะ. คุณหมอเชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุค่ะ .....

"เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะดื่มน้ำไม่พอ/dehydrated เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ดี สมองที่เสื่อม/หดอยู่แล้วจะfunctionได้ด้อยลงมากมาย พบบ่อยในสถานสงเคราะห์คนชราหรือnursing home ที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากนัก/dependent.."